ทบทวน การจัดการกับ ตัวแปร array ใน javascript ด้วย ฟังก์ชัน ตอนที่ 1

เขียนเมื่อ 13 ปีก่อน โดย Ninenik Narkdee
array ฟังก์ชัน javascript

คำสั่ง การ กำหนด รูปแบบ ตัวอย่าง เทคนิค ลูกเล่น การประยุกต์ การใช้งาน เกี่ยวกับ array ฟังก์ชัน javascript

ดูแล้ว 21,782 ครั้ง


ใช้ฟังก์ชัน concat()

concat() ใช้สำหรับสร้างตัวแปร array
ใหม่จาก การรวมตัวแปร array ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป โดยที่ตัวแปร array ที่นำมา
รวมกันนั้น ยังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
 

// ตัวอย่าง กรณ๊รวมตัวแปร array 2 ตัว
var alpha = ["a", "b", "c"];  
var numeric = [1, 2, 3];  

var alphaNumeric = alpha.concat(numeric);  
// สร้าง array ["a", "b", "c", 1, 2, 3]; โดยที่ array ชื่อ alpha และ numeric ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
// ตัวแปร array ใหม่ที่ได้คือ ชื่อ alphaNumeric มีค่าเท่ากับ ["a", "b", "c", 1, 2, 3];
// ตัวอย่าง กรณ๊รวมตัวแปร array 3 ตัว
var num1 = [1, 2, 3];  
var num2 = [4, 5, 6];  
var num3 = [7, 8, 9];  

var nums = num1.concat(num2, num3);  
// สร้าง  array [1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9]; โดยที่ num1, num2, num3  ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
// ตัวแปร array ใหม่ที่ได้คือ ชื่อ nums มีค่าเท่ากับ [1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9];
// ตัวอย่าง กรณีรวมตัวแปร array กับค่าที่ต้องการ
var alpha = ['a', 'b', 'c'];  
  
var alphaNumeric = alpha.concat(1, [2, 3]);  
// สร้าง array ["a", "b", "c", 1, 2, 3], โดยที่ alpha ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
// ตัวแปร array ใหม่ที่ได้คือ ชื่อ alphaNumeric มีค่าเท่ากับ ["a", "b", "c", 1, 2, 3];

 

 

ใช้ฟังก์ชัน join()

join() ใช้สำหรับ การนำค่าแต่ละค่าในตัวแปร array มารวมกันเป็นข้อความ และส่งค่ากลับเป็นข้อความ ที่มีตัวคั่นค่าตัวแปรแต่ละค่า ตามที่กำหนด ถ้าไม่ได้กำหนด จะเป็นเครื่องหมาย comma (,) ให้โดยอัตโนมัติ
 

//ตัวอย่างการใช้งาน
var cars=["Toyota","Honda","Isuzu"];  // ตัวแปร array

var carsUseJoin=cars.join(); // ไม่ได้กำหนดตัวคั่นค่าตัวแปร หรือตัวแบ่ง
// ผลที่ได้คือ เป็นการนำค่าในตัวแปร array ชื่อ cars มารวมกัน หรือเรียงต่อกัน เป็นข้อความ
// ใหม่ และคั่นแต่ละค่าด้วย comma (,)
// จะได้ตัวแปร carsUseJoin เป็น ตัวแปรประเภท String 
// มีค่าเท่ากับ carsUseJoin="Toyota,Honda,Isuzu";
// ตัวอย่าง กรณีกำหนดค่าตัวแบ่ง
var cars=["Toyota","Honda","Isuzu"];  // ตัวแปร array

var carsUseJoin=cars.join(" and "); // กำหนดตัวคั่นค่าตัวแปร หรือตัวแบ่ง
// ผลที่ได้คือ เป็นการนำค่าในตัวแปร array ชื่อ cars มารวมกัน หรือเรียงต่อกัน เป็นข้อความ
// ใหม่ และคั่นแต่ละค่าด้วย and
// จะได้ตัวแปร carsUseJoin เป็น ตัวแปรประเภท String 
// มีค่าเท่ากับ carsUseJoin="Toyota and Honda and Isuzu";

 

 

ใช้ฟังก์ชัน pop()

pop() ใช้สำหรับ ลบค่าตัวสุดท้ายออกจากตัวแปร array แล้วคืนค่านั้นกลับมา
มีผลให้ตัวแปร array มีการเปลี่ยนแปลง
 

// ตัวอย่างการใช้งาน
var cars=["Toyota","Honda","Isuzu"];  // ตัวแปร array

var carsUsePop=cars.pop(); // ลบค่าตัวสุดท้าย Isuzu ออกจากตัวแปร array ชื่อ cars
// มีผลให้ตัวแปร array cars=["Toyota","Honda"]; และ length ลดเหลือ 2 
// จากนั้นคืนค่าที่ลบออก มา แล้วกำหนดไว้ที่ตัวแปร carsUsePop
// จะได้ตัวแปร carsUsePop="Isuzu";


 

ใช้ฟังก์ชัน push()

push() ใช้สำหรับ เพิ่มค่าเข้าไปในตัวแปร array โดยต่อท้าย จากค่าเดิม แล้วคืนค่าจำนวนรายการทั้งหมด ของตัวแปร array กลับมา มีผลให้ตัวแปร array มีการเปลี่ยนแปลง
 

// ตัวอย่างการใช้งาน กรณีเพิ่มเพียงค่าเดียว
var cars=["Toyota","Honda","Isuzu"];  // ตัวแปร array

var carsUsePush=cars.push("Mitsubishi"); // เพิ่มค่า Mitsubishi เข้าไปต่อท้ายค่าตัวแปร array เดิม 
// มีผลให้ตัวแปร array cars=["Toyota","Honda","Isuzu","Mitsubishi"]; 
// จากนั้นคืนค่าจำนวนรายการทั้งหมด ของตัวแปร array cars แล้วกำหนดไว้ที่ตัวแปร carsUsePush
// จะได้ตัวแปร carsUsePush=4;
// ตัวอย่างการใช้งาน กรณีเพิ่มหลายค่า
var cars=["Toyota","Honda","Isuzu"];  // ตัวแปร array

var carsUsePush=cars.push("Mitsubishi","Ford"); 
// เพิ่มค่า Mitsubishi และ Ford เข้าไปต่อท้ายค่าตัวแปร array เดิม 
// มีผลให้ตัวแปร array cars=["Toyota","Honda","Isuzu","Mitsubishi","Ford"]; และ length เพิ่มขั้น
// จากนั้นคืนค่าจำนวนรายการทั้งหมด ของตัวแปร array cars แล้วกำหนดไว้ที่ตัวแปร carsUsePush
// จะได้ตัวแปร carsUsePush=5;

 

ใช้ฟังก์ชัน reverse()

reverse() ใช้สำหรับ กลับลำดับค่าของตัวแปร array เช่น ค่าจากเดิม คือ 1 2 3 4 เมื่อใช้ reverse() ลำดับค่าใหม่จะเท่ากับ 4 3 2 1 มีผลให้ตัวแปร array มีการเปลี่ยนแปลง
 

// ตัวอย่างการใช้งาน 
var cars=["Toyota","Honda","Isuzu","Mitsubishi"];  // ตัวแปร array
// ค่าเดิม 
// cars[0]="Toyota";
// cars[1]="Honda";
// cars[2]="Isuzu";
// cars[3]="Mitsubishi";

var carsUseReverse=cars.reverse(); // ทำการกลับลำดับรายการตัวแปร array
// มีผลให้ตัวแปร array cars=["Mitsubishi","Isuzu","Honda","Toyota"]; 
// ค่าใหม่
// cars[0]="Mitsubishi";
// cars[1]="Isuzu";
// cars[2]="Honda";
// cars[3]="Toyota";
// จากนั้นนำตัวแปร array ที่ทำการกลับลำดับรายการไปเก็บไว้ในตัวแปร carsUseReverse
// จะได้ตัวแปร carsUseReverse=["Mitsubishi","Isuzu","Honda","Toyota"];  ซึ่งเท่ากับตัวแปร cars

 

 

ใช้ฟังก์ชัน shift()

shift() ใช้สำหรับ ลบค่าตัวแรกออกจากตัวแปร array แล้วคืนค่านั้นกลับมา
มีผลให้ตัวแปร array มีการเปลี่ยนแปลง
 

// ตัวอย่างการใช้งาน
var cars=["Toyota","Honda","Isuzu"];  // ตัวแปร array

var carsUseShift=cars.shift(); // ลบค่าตัวแรก Toyota ออกจากตัวแปร array ชื่อ cars
// มีผลให้ตัวแปร array cars=["Honda","Isuzu"];  และ length ลดเหลือ 2 
// จากนั้นคืนค่าที่ลบออก มา แล้วกำหนดไว้ที่ตัวแปร carsUseShift
// จะได้ตัวแปร carsUseShift="Toyota";

 

 

ใช้ฟังก์ชัน unshift()

unshift() ใช้สำหรับ เพิ่มค่าเข้าไปในตัวแปร array โดยเพิ่มเข้าไปเป็นตัวแรก คืนค่าเป็นจำนวน array ทั้งหมด
มีผลให้ตัวแปร array มีการเปลี่ยนแปลง

// ตัวอย่างการใช้งาน
var cars=["Toyota","Honda","Isuzu"];  // ตัวแปร array

var carsUseUnshift=cars.unshift('Mitsubishi'); // เพิ่ม Mitsubishi เข้าไปในตัวแปร array ชื่อ cars ตัวแรก
// มีผลให้ตัวแปร array cars=["Mitsubishi","Toyota","Honda","Isuzu"];  และ length เพิ่มเป็น 4
// ค่า length จะเก็บไว้ในตัวแปร carsUseUnshift 
console.log(cars);
console.log(carsUseUnshift);

 

 

ใช้ฟังก์ชัน slice()

slice(start,end) ใช้สำหรับ ดึงค่าจากตำแหน่งที่ต้องการในตัวแปร array แล้วคืนค่านั้นกลับมา
ไม่มีผลให้ตัวแปร array มีการเปลี่ยนแปลง
start คือ ตำแหน่งเริ่มต้นที่ต้องการดึงค่าจากตัวแปร array เริ่มต้นเท่ากับ 0 สามารถเป็นค่าติดลบได้
end คือ ตำแหน่งสุดท้ายที่ต้องการ ไม่อิงตาม key นั้นหมายถึงนับตัวแรกเท่ากับ 1 ต่างจาก start ตัวแรกเริ่มจาก 0 ถ้าไม่กำหนด end จะเอาตั้งแต่ตำแหน่ง start ไปจนถึงตัวสุดท้าย
 

// ตัวอย่างการใช้งาน
var cars=["Toyota","Honda","Isuzu","Mitsubishi"];  // ตัวแปร array

// กรณีดึงตำแหน่ง ที่ 2 กับ 3 ("Honda","Isuzu")
// แนวทางการกำหนด start และ end ถ้าต้องการตัวที่ 2 กับ 3
// กำหนด 2,3 แล้วลดค่าตัวแรกลง 1 ค่า จะได้ค่าที่ใช้กำหนดจริงเท่ากับ 1,3
var carsUseSlice=cars.slice(1,3); 
// จะได้ carsUseSlice=["Honda","Isuzu"]

// กรณีดึงตำแหน่งที่ 2 ไปจนถึงตำแหน่งสุดท้าย ไมต้องกำหนด end กำหนด
var carsUseSlice=cars.slice(1); 
// จะได้ carsUseSlice=["Honda","Isuzu","Mitsubishi"];

// กรณีดึงตำแหน่งเริ่มจาก 2 ตัวหลัง 
var carsUseSlice=cars.slice(-2); 
// จะได้ carsUseSlice=["Isuzu","Mitsubishi"];

 



กด Like หรือ Share เป็นกำลังใจ ให้มีบทความใหม่ๆ เรื่อยๆ น่ะครับ



อ่านต่อที่บทความ









เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง









URL สำหรับอ้างอิง





คำแนะนำ และการใช้งาน

สมาชิก กรุณา ล็อกอินเข้าระบบ เพื่อตั้งคำถามใหม่ หรือ ตอบคำถาม สมาชิกใหม่ สมัครสมาชิกได้ที่ สมัครสมาชิก


  • ถาม-ตอบ กรุณา ล็อกอินเข้าระบบ
  • เปลี่ยน


    ( หรือ เข้าใช้งานผ่าน Social Login )







เว็บไซต์ของเราให้บริการเนื้อหาบทความสำหรับนักพัฒนา โดยพึ่งพารายได้เล็กน้อยจากการแสดงโฆษณา โปรดสนับสนุนเว็บไซต์ของเราด้วยการปิดการใช้งานตัวปิดกั้นโฆษณา (Disable Ads Blocker) ขอบคุณครับ